วันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2551

เฒ่าทรนงแห่งลุ่มน้ำเพชร


ข่าวการเสียชีวิตของปู่เย็น สร้างความตกใจให้กับฉัน ชายชราผู้มีอายุมากกว่าคนธรรมดายี่สิบกว่าปี(ถ้า คิดที่ 80 ) ทุกรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าคงบ่งบอกถึงริ้วรอยของวันเวลา ความรู้สึกเศร้า เหงา สุข คงมีอย่างมากล้น..
มีคำพูดหนึ่งของปู่เย็น
"ดูแต่หอยสิ...ไม่มีมือไม่มีตีน
มันยังหากินเองได้...
ประสาอะไรกับคน...มีมือมีเท้า
หากินเองไม่ได้...ก็อายหอย"

ทำให้ฉันฉุกคิดในวันที่เหนื่อยท้อ ฉันยังพอมีีคนถามไถ่ ต่างจากชายชราอายุกว่าร้อยผู้หยิ่งในความเป็นคน คงวนเวียนอยู่กับตัวเอง แม้จะไม่มีใครรู้สึก
..
นี่คือบทความของปู่เย็นที่ทางทีวีบูรพาได้ถ่ายทอดออกมา.. จากเบื้องหลังความรู้สึกของวันเวลาที่ใกล้ถึงจุดสุดท้ายของชีวิตชีวิตหนึ่ง
..
"
คุณเคยตั้งคำถามให้กับตัวเองหรือไม่ ถ้าในวันหนึ่ง คุณมีอายุ 100 ปี วันนั้นคุณจะเป็นอย่างไร อยู่กับใคร อยู่ในสภาพไหนและที่ สำคัญการมีชีวิตในวัยชราของคุณในวันนั้นจะเป็นอย่างไร
ชายชราคนหนึ่งที่มีอายุเลยข้ามศตวรรษ มาถึง 106 ปี เย็น แก้วมณี หรือปู่เย็น ชายชราหลงยุคผู้มีมีร่างกายแข็งแรง และเต็มเปี่ยมหัวใจที่แข็งแกร่งที่ไม่ยอมจำนนต่อวัยและสังขารอันร่วงโรย ใน เรือลำเล็กๆลำหนึ่งขนาดกว้าง 1 เมตร ยาว 5เมตรที่เป็นทั้งเรือนงานแห่งชีวิต กับการยึดอาชีพวางอวนหาปลาในแม่น้ำเพชรบุรี อีกรวมถึงยังเป็นเรือนนอนที่กิน อยู่และอาศัยพักพิงเพียงอยู่ตัวคนเดียวมาหลายสิบปีหลังจากที่ภรรยา ญาติสนิท มิตรสหายค่อยๆล้มหายตายจากไปตามอายุขัยของคนปกติที่มีอายุไม่เกิน 80 ปี
ทุกเช้าที่บริเวณตลาดสดแถวสะพานลำใย ชายชราหลังงองุ้มคนหนึ่งจะปรากฏตัวขึ้นมา จากบันไดเชิงสะพานพร้อมกับกะละมังหนึ่งใบใส่ปลาน้ำจืดประมาณ 10-20ตัวมานั่ง ขายให้กับผู้คนที่มาจับจ่ายใช้สอยในตลาด ไม่มีตราชั่ง ไม่มีถุงใส่ ไม่มี ป้ายตั้งราคาใครอยากซื้อเท่าไหร่ก็จ่ายมาเท่านั้น
และเมื่อปลาหมด การนั่งกิน น้ำเต้าหู้ที่ร้านใกล้สะพานก็จะเป็นมื้อเช้าของปู่ทุกวันก่อนกลับลงเรือที่ จอดอยู่ใต้สะพาน เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นเป็นประจำทุกตั้งแต่ในช่วงเดือน พฤศจิกายนหลังฤดูฝนไปจนถึงเดือนมิถุนายนก่อนการกลับมาของฤดูฝนอีกครั้งและ เมื่อถึงฤดูฝนปู่เย็นจะกลับขึ้นฝั่งไปพักอาศัยอยู่กับหลานพร้อมกับการยกเรือ ขึ้นไปอยู่บนฝั่งที่อ.ท่ายางเนื่องจากน้ำในแม่น้ำหลากเกินไปที่จะหาปลาและ อยู่อาศัยได้ และเมื่อหมดฝนการเฝ้ารอคอยของปู่เย็นที่จะได้กลับลงแม่น้ำอีกครั้งก็จะเกิดขึ้น
เรือลำหนึ่งจะล่องจากท่ายางมาที่เมืองเพชรเป็นระยะ ทางกว่า 20 กิโลเมตร เพื่อกลับสู่วิถีเดิม ภาพของวัฎจักรแห่งชีวิตและการงาน ของปู่เย็นก็จะดำเนินไปอีกครั้ง กับชีวิตและความผูกพันกับแม่น้ำเพชร แม่น้ำ สายแห่งชีวิตที่ปู่เย็นทำมาหากินหล่อเลี้ยงมาจนวัยลุล่วงมาจนถึง 106 ปีในวันนี้
คนที่รู้จักกับปู่เย็นกล่าวว่า ปู่เย็นอาจจะเป็นคนหนึ่งที่เป็นดัชนีชี้วัดความเป็นไปในสายน้ำเพชรได้เป็นอย่างดีเพราะถ้าปู่เย็นยังคงพึ่งตนเองได้ด้วยการจับปลาในแม่น้ำแห่งนี้แสดงว่าแม่น้ำเพชรก็ยังคงสะอาดพอที่จะมีสิ่งชีวิตอาศัยอยู่ในแม่น้ำและยังสามารถหล่อเลี้ยงชีวิตบั้นปลายของคนๆหนึ่งได้จนถึงทุกวันนี้
แต่สำหรับการลงเรือของปู่เย็นครั้งล่าสุดในปีนี้ ภาพที่ ผู้คนเห็นจนคุ้นตาอาจจะกลายเป็นครั้งสุดท้าย เพราะเป้าหมายและภาระกิจของปู่ เย็นเที่ยวสุดท้ายในครั้งนี้คือการหาเงินให้ได้ครบตามที่ตั้งเอาไว้แล้ว เมื่อฤดูฝนที่จะมาถึงก็จะเป็นการกลับคืนขึ้นฝั่งตลอดกาล ชีวิตคนบางคนความ ตายมาถึงขณะที่ยังไม่พร้อมในขณะที่บางคนอาจพร้อมที่จะตายได้ทุกเมื่อขณะที่ ความตายยังเดินทางมาไม่ถึง ถึงแม้อาจไม่มีใครรู้ล่วงหน้าได้ว่าจะเราจะอยู่ได้ถึงเมื่อไหร่ จะตายวันไหนและเราจะมองเรื่องการตายอย่างไรก็ตาม
แต่สำหรับ ชายชราอย่างปู่เย็นการรอคอยวันตายอาจไม่ใช่สิ่งสุดท้ายของการมีชีวิตอยู่ เพราะการมีอยู่ในวันนี้ของปู่เย็นไม่จำเป็นต้องพึ่งพาไม่ต้องเป็นภาระ หรือแบมือขอใครกินและที่สำคัญไปกว่านั้นถ้าหากการตายจะเกิดมาจากคำว่า อด ตาย คงไม่มีทางเกิดขึ้นกับชายชราที่ชื่อ ปู่เย็น เป็นอันขาด "

...
ต่อไป .. ภาพชายชราเดินย่องแย่งขึ้นเรือลงเรือจากท่าน้ำสะพานลำใย..คงเป็นภาพเก่าที่จะค่อยเลื่อนหาย ภาพที่เห็นรอยยิ้มและบทสนทนาจะเป็นอดีต คนที่รู้จักคงเศร้า เหงา มากกว่าใคร
..
สำหรับฉัน..สดุดีในความหยิ่งทรนงต่อโลก ต่อชีวิต ของปู่ ดวงวิญญาณมีจริงหรือเปล่าไม่รู้ แต่ขอปู่สู้สุขคติ อย่างน้อยคนเหนื่อยคนท้อบนผืนแผ่นดินนี้จักรับรู้ รอยยิ้มนั้นจะยังคงอยู่ คำพูดนั้นจะยังก้องกังวาล และแม่น้ำเพชรคงเงียบเหงาไร้เงาของดัชนีย์วัดความสมบูรณ์
..
..
ถ้าฉันผ่าน.. คงแวะมองหา.. เงาในสายน้ำของเฒ่าทรนงแห่งลุ่มน้ำเพชรนั้นทุกคราวไป
..

กินฟรีได้...แต่ไม่อยากกิน
เกรงใจ...ไม่เอา...อาย
ของเขาซื้อเขาขาย...
ไหนต้องตัก...ไหนต้องล้าง


มีก็กิน...ไม่มีก็ไม่กิน
ไม่ขอใคร...
คนเราอดตาย...หายาก
ถ้าไม่เจ็บไม่ไข้นะ

ขายอย่าให้แพง...คนเขาจะได้กินลง
ฉันขายถูกๆ...เอาไปเถอะ
ซื้อไปแกงให้พอหม้อ


ชีวิตคนเหมือนสะพาน
มีขึ้น...มีลง
มีสูง...มีต่ำ
พอสุดท้าย...ก็ตาย





อาลัยปู่เย็น

ทอรัส(บลูคาเฟ่)


4 ความคิดเห็น:

เวลา 13 ตุลาคม 2551 เวลา 02:42 , Blogger kea1901 กล่าวว่า...

อาลัยรักปู่เย็น สูสุขคตินะค่ะ จะเก็บเรื่องราวต่างๆๆของปู่เอาไว้สอนใจในยามที่เราเหนื่อย ท้อแท้ หมดหวัง

 
เวลา 13 ตุลาคม 2551 เวลา 16:19 , Blogger เสือทานตะวัน กล่าวว่า...

ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับการจากไปของปู่เย็น
นักสู้ชีวิต บนร่างการชายชรา หัวใจเต็มร้อย

 
เวลา 14 ตุลาคม 2551 เวลา 12:15 , Anonymous ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

การจากไปของปู่ คือ หลังจากวันเกิด ของฉันเอง
และต่อจากนี้ ..ฉันคงลืมมันไม่ลงแน่ๆ ....


น้ำตาอาบแก้ม เพราะรู้สึกผูกพันมากๆ กับปู่
... ทั้งที่ปู่ไม่เคยรู้จักฉันเลย


ทุกวันนี้บอกกับตัวเองว่า "ถ้ายังไหว ก็ต้องทำ เบื่อไม่ได้ " ซึ่งปู่เคยบอกไว้ .....


... และภาพของปู่ ยังตรึงอยู่ไม่ไปไหน ....

........ ปู่คงเหนื่อยมาก ปู่หลับแล้ว ...

 
เวลา 14 ตุลาคม 2551 เวลา 12:16 , Blogger unnaka กล่าวว่า...

การจากไปของปู่ คือ หลังจากวันเกิด ของฉันเอง
และต่อจากนี้ ..ฉันคงลืมมันไม่ลงแน่ๆ ....


น้ำตาอาบแก้ม เพราะรู้สึกผูกพันมากๆ กับปู่
... ทั้งที่ปู่ไม่เคยรู้จักฉันเลย


ทุกวันนี้บอกกับตัวเองว่า "ถ้ายังไหว ก็ต้องทำ เบื่อไม่ได้ " ซึ่งปู่เคยบอกไว้ .....


... และภาพของปู่ ยังตรึงอยู่ไม่ไปไหน ....

........ ปู่คงเหนื่อยมาก ปู่หลับแล้ว ...

 

แสดงความคิดเห็น

สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]

<< หน้าแรก